วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ผลวิจัยเผยทั่วโลกยอมรับ “รักร่วมเพศ” มากขึ้น





เอเอฟพี - ประเทศทั่วโลกหันมายอมรับบุคคลที่นิยมเพศเดียวกันมากขึ้น เว้นเพียงรัสเซียและอดีตประเทศสังคมนิยมอื่นๆ ผลการศึกษาชิ้นใหม่เผย 
       รายงานการศึกษาซึ่งเรียบเรียงโดยสถาบันวิจัยความคิดเห็นแห่งชาติ มหาวิทยาลัยชิคาโก ได้สรุปความคิดเห็นจากประชาชน 30 ประเทศทั่วโลกเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ และพบว่า ประชาชนใน 27 ประเทศให้การยอมรับผู้ที่นิยมเพศเดียวกันมากขึ้น เว้นเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่ยอมรับน้อยลง ได้แก่ ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, ลัตเวีย และ รัสเซีย  
       ประเทศที่ยอมรับค่านิยมรักร่วมเพศมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์ และ เบลเยียม ส่วนที่ยอมรับรองลงมาจนถึงน้อยที่สุด ประกอบไปด้วย 7 ประเทศที่เคยปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม, ประเทศแถบเอเชียตะวันออก, ประเทศแถบละตินอเมริกา, ไซปรัส, แอฟริกาใต้ และตุรกี      
       จากการสำรวจเมื่อปี 1991 พบว่า พลเมืองรัสเซียร้อยละ 59 คิดว่า การรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งความเห็นดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 68 ในปี 2008      
       เมื่อวันเสาร์ (28) ที่ผ่านมา ตำรวจรัสเซียจับกุมแกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิเกย์ 3 คน และชาวรัสเซียอีกหลายสิบคน ที่ออกมารณรงค์เพื่อสิทธิของคนรักร่วมเพศ ใกล้กับกำแพงพระราชวังเครมลิน จนเกิดการปะทะกับกลุ่มชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ที่โน้มน้าวให้กรุงมอสโกสั่งห้ามการชุมนุมดังกล่าวไปก่อนหน้านั้น

ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000065404

มองเพศที่สามอย่างเข้าใจ



การเป็นเกย์และกระเทยส่วนหนึ่งมาจาก อิทธิพลของฮอร์โมนเพศตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา นอกนั้นคือสิ่งแวดล้อม สังคมและการเลี้ยงดูในครอบครัว
เพศที่ 3 กับสังคม
คนทั่วไปส่วนใหญ่ยังมีความสับสนเรื่องผู้ชายด้วยกันหรือผู้ชายที่มี กิริยามารยาทคล้ายกับผู้หญิงนอกจากคนในสังคมจะสับสนและไม่เข้าใจแล้ว ยังมองบุคคลเหล่านี้ไปในทางลบ
ทั้งนี้ จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ชายมีหลักๆ 3 กลุ่มคือ

  • กลุ่มผู้ชายที่รักผู้หญิง (เพศตรงข้าม-ต่างเพศ) ซึ่งสังคมทั่วไปยอมรับ

  • กลุ่มผู้ชายที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แค่รักผู้ชายด้วยกัน (เพศเดียวกัน-ร่วมเพศ) ซึ่งมักนิยามตัวเองว่า เกย์ (gay) มาจากรากศัพท์ภาษาอังกฤษที่แปลวา สดใส ร่าเริง

  • ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้หญิงที่อยู่ในร่างของผู้ชายนั่นเอง คำไทยมักใช้ว่า กะเทย” (transgender หรือ transsexual)

         การที่ผู้ชายมีความรักเพศเดียวกัน มีสาแหตุหลายอย่าง ทั้งปัจจัยทางชีววิทยา และจิตวิทยา เริ่มตั้งแต่สาเหตุทางพันธุกรรม การพัฒนาของสมองเด็กในครรภ์ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ตลอดจนการอบรมเลี้ยงดู และประสบการณ์การเรียนรู้หลังจากที่เกิดมาแล้วซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ เกิดจากการเลียนแบบ และไม่ติดต่อกัน

ทั้งเกย์และกระเทย จะเริ่มรู้สึกว่าตนเองต่างจากเพื่อเพศเดียวกัน ตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ หรือเมื่อเริ่มจำความได้ โดยจะจดจำว่าพ่อแม่ตักเตือนอยู่เสมอว่าอย่าทำตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งอาจจะสร้างความรู้สึกกดดันภายในจิตใจ

ด้านพฤติกรรมจะมีความรู้สึกอ่อนไหว ร้องไห้ง่าย กิริยามารยาทคล้ายเด็กหญิง ชอบแต่งตัว ชอบเล่นกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง ไม่ชอบเล่นรุนแรง เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีความรู้สึกทางเพศเดียวกัน แตกต่างจากเพื่อนผู้ชายทั่วไป

เนื่องจากเด็กรับรู้ว่าสังคมทั่วไปมีความรู้สึกรังเกียจเกย์และกระเทย เด็กจึงสับสนไม่แน่ใจ ในการวางตัวในสังคม ความเครียด และพยายามบิดปังความรู้สึกของตนเอง บางคนพยายามป้องกันตนเอง โดยพยายามทำตัวเป็นชายชาตรี เช่น พยายามมีคนรักเป็นผู้หญิงหลายๆ คน เพาะกายให้ดูเป็น แมนแสดงตนก้าวร้าว ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีเด็กบางคนก็พยายามหาสิ่งทดแทนความด้อย เช่น พยายามขยัน ตั้งใจเรียน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อน ซึ่งเป็นการทดแทนที่ดีถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองและครูไม่เข้าใจ เด็กจะยิ่งมีความทุกข์ทรมานใจมากขึ้น บางคนมาปรึกษาแพทย์เพื่อขอฉีดฮอร์โมนเพศชาย โดยหวังว่าฮอร์โมนเพศชายจะช่วยเปลี่ยนความรู้สึกและความต้องการในใจ แต่ความเป็นจริงฮอร์โมนเหล่านี้ไม่ได้มีผลดังที่หวังเลย

ระยะสับสนกังวลนี้อาจจะกินเวลานานมากหรือน้อย แล้วแต่ตัวเด็กแต่ละคน เมื่อผ่านระยะนี้ไปเด็กจะเริ่มยอมรับความรู้สึกและความต้องการทางเพศของตน เองมากขึ้น ความเครียด ความวิตกกังวลจะลดลง ในขั้นต่อไปอาจพัฒนาถึงขั้นเปิดเผยตนเองต่อสังคม และสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี

สังคมไทยยอมรับเกย์และกระเทยมากขึ้นกว่าในหลายประเทศ แต่คนบางกลุ่มก็ยังรู้สึกในแง่ลบกับเกย์และกะเทย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะภาพเกย์และกะเทยที่ออกมาตามสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ แสดงเป็นตัวตลกบ้าๆ บอๆ มีอารมณ์รุนแรงโหดเหี้ยม ซึ่งความจริงที่ปรากฏก็คือเกย์และกะเทยที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นคนดี ทำประโยชน์ให้สังคมก็มีอยู่มาก

ที่มา : http://www.ppat.or.th/th/article/understand_third_gender

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเป็นเกย์?



ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สุพร เกิดสว่าง นักวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ซึ่งท่านเคยแถลงผลการวิจัยไว้ว่า จากการศึกษาพบว่าการที่ผู้ชาย มีความรักเพศเดียวกันมีสาเหตุหลายอย่าง ทั้งปัจจัยทางชีววิทยา และจิตวิทยา เริ่มตั้งแต่สาเหตุทางพันธุกรรม การพัฒนา ของสมองเด็กในครรภ์ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ตลอดจนการอบรมเลี้ยงดู และประสบการณ์การเรียนรู้หลังจาก ที่เกิดมาแล้ว ซึ่งพฤติกรรมเหล่า นี้ไม่ได้เกิดจากการเลียนแบบ และไม่ติดต่อกัน (ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็ยังไม่ใช่สาเหตุที่แน่ นอน เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของ คนตอบและการคาดเดาเท่านั้น ปัจจุบันเลิกสงสัยกันแล้ว และยอมรับว่าการเป็นเกย์เป็นเรื่องของธรรมชาติเช่นเดียวกับคนที่เกิดมาเป็น ชายหรือหญิง)
ทั้งเกย์และกะเทยจะเริ่มรู้สึกว่าตนเองต่างจาก เพื่อนเพศเดียวกันตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ หรือเมื่อเริ่มจำความได้ โดยจะจดจำว่าพ่อแม่ตักเตือนอยู่เสมอว่าอย่าทำตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งอาจจะสร้างความรู้สึกกดดันภายในจิตใจ ในด้านพฤติกรรมจะมีความรู้สึกอ่อนไหว ร้องไห้ง่าย กิริยามารยาทคล้ายเด็กหญิง ชอบแต่งตัว ชอบเล่นกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง ไม่ชอบเล่นรุนแรง เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีความรู้สึกทางเพศกับเพศเดียวกัน แตกต่างจากเพื่อนผู้ชายทั่วไป เนื่องจากเด็กรับรู้ว่าสังคมทั่วไปมีความรู้สึกรังเกียจเกย์และกะเทย เด็กจึงสับสนไม่แน่ใจในการวางตัวในสังคม เกิดความวิตกกังวล ความเครียด พยายามปิดบังความรู้สึกของตนเอง บางคนพยายามป้องกันตนเอง โดยพยายามทำตัวเป็นชายชาตรี เช่น พยายามมีคนรักเป็นผู้หญิงหลายๆคน เพาะกายให้ดูเป็น "แมน" แสดงตนก้าวร้าว ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่เด็กบางคนก็พยายามหาสิ่งทดแทนความด้อย เช่น พยายามขยันตั้งใจเรียน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อน ฯลฯ ซึ่งเป็นการทดแทนที่ดี ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองและครูไม่เข้า ใจเด็กจะยิ่งมีความทุกข์ทรมานใจ มากขึ้น

ที่มา :  http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cartoonthai&date=16-07-2013&group=178&gblog=355

ประเภทเกย์



         เกย์ คิง (Active), เกย์ฝ่ายรุก, หรือท๊อป(มาจากคำว่า Top) เป็นกลุ่มคนที่นิยมที่รับบทบาทเป็นฝ่ายกระทำหรือเสียบตูดอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เอง ไม่มีความนิยมชมชอบให้ผู้อื่นเข้ามาทะลวงฝ่าด่านต้องห้ามที่ข้างหลัง ซึ่งการเป็นเกย์คิงนั้นก็มีหลายที่มาเหมือนกัน บางคนนั้นเป็นเกย์คิงโดยกำเนิด เกิดมาเป็นคิงโดยเฉพาะ (แต่บางรายพอโดนเสียบแล้วติดใจ อาจจะเปลี่ยนใจภายหลังได้) แต่บางคนนั้นก็มาเป็นเกย์คิงเอาภายหลังจากการที่เคยเป็นฝ่ายถูกกระทำมาก่อน แต่ว่าต้องมาเปลี่ยนใจกลายเป็นคิงด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้คือ
- ใจเสาะ ไม่กล้าลองช่องทางทวารด้านหลัง
- โดนเขาเสียบแล้วเกิดเจ็บแสบรูตูดจนไม่รู้สึกหรรษา เลยเปลี่ยนบทบาทเหมือนสลับขั้ว หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังความเจ็บคือความมันส์ที่มิรู้ลืม
- หน้าตาไม่ดี หุ่นและร่างกายแมนล่ำเกินไป กว่าจะหาใครมาเสียบตัวเองก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด เลยต้องจำใจมาเป็นเกย์คิงเพราะว่าหากินง่ายกว่า
- เจอคู่นอนที่สาวกว่า นึกเสียดายโอกาสที่กว่าจะจิกมันมาได้ ก็เลยยอมเป็นคิงด้วยความจำเป็น
- เข้าห้องนอนแล้วยกขาไม่ทัน โก่งตูดช้าแพ้อีกฝ่าย เลยต้องรับบทบาทเป็นเกย์คิงแทนให้สิ้นเรื่องหมดความไป เป็นต้นค่ะ

            เกย์ ควีน (Passive), เกย์ฝ่ายรับ, หรือบั๊ทท่อม (มาจากคำว่า Bottom) เป็นเกย์ที่มีความสุขกับการเป็นฝ่ายถูกกระทำ รู้สึกหรรษาและเพลิดเพลินจนถึงขั้นเสียวเวลาที่มีอะไรมากระแทกที่ประตูหลัง อย่างไรก็ดี การเป็นเกย์ควีนกับการแสดงออกนั้นก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันน่ะค่ะ การเป็นเกย์ที่ดีก็ต้องรู้จักเช็คแนวโน้มตลาดนิดนึงน่ะค่ะว่าเดี๋ยวนี้เทรน ไหนที่เป็นที่นิยม อย่างกระแสล่าสุดก็เห็นจะเป็น - - เกย์ควีนที่ไม่แสดงออก ดูแมน มีกล้ามนิดๆ ค่ะ อีพวกเกย์ควีนที่สาวแตก ทาคิ้ว เขียนขอบตา จะขายไม่ออก ตกกระแส ต้องกลับมากระทำตัวเองด้วยฟัก แฟง แตงกวา ที่บ้านค่ะ

            เกย์ ควิง (Versatile), หรือ โบ้ท(Both) เป็นเกย์ที่สามมารถเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ เป็นเกย์ที่อยู่ในกระแสนิยมขณะนี้ กล่าวคือ เป็นเกย์ที่หัวสมัยใหม่ รู้จักปรับตัว ตูด และกระจู๋ให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ต้องสนใจใยดีว่าผู้ชายที่ฉันจิกมาได้จะมาแบบไหน เพราะว่าเราทำให้เขาได้ทุกอย่างทุกรูปแบบ อย่างเช่นสมมิตว่า หากว่าเจอคนที่เป็นเกย์คิงค์ เราก็จะถ่างขารอ หากเจอคนที่เป็นเกย์ควีนเราก็จะจับขามันพาดคอ หรือว่าหากเจอที่เป็นเกย์ควิงเหมือนกัน เราก็จะแท๊คทีม ผลัดกันมันส์-ผลัดกันเอาและถูกเอา(หรือที่เรียกกันว่า ผัดไทค่ะ)

ที่มา :  http://board.postjung.com/666703.html

เกย์


เกย์ (Gay) มักหมายถึงบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบรักร่วมเพศ เดิมคำว่าเกย์ในภาษาอังกฤษมีความหมายว่า ไร้กังวล มีความสุข ความสำราญใจ เฉียบแหลมและน่าประทับใจ แต่ในทุกวันนี้คำว่าเกย์มีความหมายทางวัฒนธรรมย่อยของคนที่รักเพศเดียวกัน และอาจมีความหมายร่วมกระบวนทัศน์ความเป็นเกย์เช่น เพลงเกย์ หนังเกย์ เป็นต้น หรืออาจหมายถึงภาพรวมของความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน แม้คำว่าเกย์ไม่ได้จำกัดความทางเพศ แต่มักใช้เฉพาะกับกลุ่มผู้ชายรักเพศเดียวกัน ในขณะที่คำจำกัดความทางเพศอย่างเลสเบี้ยน ก็ใช้เฉพาะกลุ่มผู้หญิงรักเพศเดียวกัน
การใช้คำว่าเกย์ในภาษาไทย จะหมายความถึงเฉพาะผู้ชายที่รักร่วมเพศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่รักสองเพศ (รักและมีเพศสัมพันธ์ได้กับทั้งชายและหญิงไบเซ็กชวล) ก็มักถูกเรียกว่าเป็นเกย์เช่นกัน

ในประเทศไทยมีการใช้คำว่าเกย์คิงและเกย์ควีน โดยทั่วไปเกย์คิงมักหมายถึงเกย์ที่ใช้อวัยวะเพศกับทวารหนักของเกย์อื่น และเกย์ควีนมักหมายถึงเกย์ที่เป็นฝ่ายถูกร่วมเพศทางทวารหนัก

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/